SAIC เตรียมเดินสายพานการผลิตแบตเตอรี่แบบ solid-state เจเนอเรชั่นที่ 2 ปี 2026 นี้

SAIC เรียกแบตเตอรี่แบบใหม่นี้ว่า second-generation solid-state battery (SSB) หรือแบตเตอรี่แบบ solid-state เจเนอเรชั่นที่ 2 โดยชูจุดเด่นที่ค่าความจุพลังงานสูงสุดถึง 400 Wh/กิโลกรัม มีความหนาแน่นพลังงานเชิงปริมาตร: 820 Wh/L ทนต่อการเจาะหรืออุณหภูมิสูงถึง 200°C โดยไม่เกิดการลุกไหม้ และสามารถคงประสิทธิภาพ 90% ในสภาพอากาศหนาว มีความจุพลังงาน 75 Ah อุณหภูมิสูงถึง 200°C โดยไม่เกิดการลุกไหม้

ย้อนไปเมื่อเดือนเมษายน 2024 SAIC ได้เริ่มเปิดตัวรถ EV จากบริษัทร่วมทุน IM L6 ที่เริ่มใช้แบตเตอรี่แบบ semi-solid-state เจเนอเรชั่นแรกที่มีชื่อเรียกว่า Lightyear battery โดย SAIC ได้นำสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 900V มาใช้กับรถ EV ยุคใหม่นี้ โดยมีความจุแบตเตอรี่สูงถึง 130 kWh

อย่างไรก็ตาม IM Motors ไม่สามารถวางจำหน่ายรถรุ่นดังกล่าวได้ตามกำหนดการที่กล่าวไว้ครั้งแรก โดยจะถูกเลื่อนออกไปในเดือนตุลาคม 2026 แทน สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของรถรุ่นนี้ ทาง IM Motors ได้จดสิทธิบัตรเวอร์ชั่นซีดานที่มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ semi-solid- state เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง

SAIC กำลังขยายตัวในตลาดแบตเตอรี่ Solid-State Battery หรือ SSB โดยในปี 2023 บริษัทได้ร่วมทุนกับ QingTao Energy Development สตาร์ทอัพด้านแบตเตอรี่โซลิดสเตตจากจีน ในระยะแรก QingTao ประกาศว่าแบตเตอรี่โซลิดสเตตรุ่นแรกของบริษัทจะมีความหนาแน่นพลังงานที่ 368 Wh/kg พร้อมคุณสมบัติความปลอดภัยจาก Thermal Runaway ระดับ 0 ล่าสุด SAIC ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่โซลิดสเตตรุ่นที่สองที่พัฒนาร่วมกับ QingTao ซึ่งจะเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2026

SAIC Motor Corporation กล่าวว่าข้อได้เปรียบของแบตเตอรี่ Solid-State Battery มีดังนี้

• การออกแบบที่กะทัดรัด – แบตเตอรี่แบบโซลิดสเตทมี อิเล็กโทรไลต์แบบของแข็ง ช่วยลดขนาดลงได้ถึง 40% และลดน้ำหนักลง 25% ทำให้ตัวรถเบาและประหยัดพลังงานมากขึ้น
• ความทนทานที่เหนือกว่า – แบตเตอรี่ SSB มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถรองรับการชาร์จได้สูงสุด 45,000 รอบ ซึ่งมากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ
• ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น – อิเล็กโทรไลต์แบบของแข็งเป็น วัสดุไม่ติดไฟ ไม่กัดกร่อน และ ไม่ระเหย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้และป้องกันการรั่วซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา: Carnewschina

Credit: www.HeadLightMag.com