นโยบายการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาให้เว็บไซต์รองรับการใช้งานของท่านได้ดียิ่งขึ้น ทางเราจะมีการเก็บข้อมูลการใช้งานบนเว็บไซต์ โดยการเข้าชมเว็บไซต์นี้ ถือว่าท่านตกลงยอมรับในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ อ่านรายละเอียด

ผู้บริหาร Jaguar รับ แผนก้าวสู่การเป็นแบรนด์ EV คือสิ่งที่น่าท้อแท้ใจ (แต่จะเดินหน้าต่อไป)

Rawdon Glover คือ Managing Director ของ Jaguar ซึ่งขึ้นสู่ตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2023 และเป็นเจ้าของประโยคดังที่ปรากฎในหัวข้อรายงานชิ้นนี้ ซึ่งกล่าวขึ้นระหว่างการแสดงความเห็น เรื่องแผนการณ์ที่ Jaguar จะปรับตัวเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว ในยุคที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเริ่มถอยออกมาตั้งหลัก แถมที่เสี่ยงกว่านั้นคือจะมีช่วงสุญญากาศที่ Jaguar ไม่เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เลย รวมถึงอาจไม่มีรถยนต์ออกขายช่วงหนึ่งด้วย นับเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีแบรนด์รถยนต์ใดทำมาก่อน ยกเว้นแต่ว่าเจ๊งแล้วกลับมาใหม่

Glover ระบุว่าตอนนี้ Jaguar เหมือนกำลังอยู่กลางทางแยก ซึ่งต้องทำตามแผนที่ประกาศไว้ในปี 2021 ว่าเราจะก้าวสู่การเป็นแบรนด์ EV พร้อมทั้งยกระดับแบรนด์ขึ้นไปอยู่ระดับบนอีกระดับ เพียงแต่รถยนต์ไม่สามารถพัฒนาให้แล้วเสร็จได้ในเวลาข้ามคืน นอกจากนั้น Jaguar ยังตั้งใจที่จะกลับไปใช้วิถีเดิมของการสร้างรถยนต์ที่สวยงามและเป็นที่ต้องการ ไม่ใช่เป็นแบบที่เป็นอยู่คือมีรถยนต์มากถึง 6 – 7 รุ่น และเน้นยอดขาย

 

Jaguar จะกลายเป็นแบรนด์ที่มีรถยนต์ให้เลือก 3 รุ่น โดยภายในสิ้นปีนี้ เราจะเห็นทิศทางการออกแบบแบบใหม่ของ Jaguar ในตัวถัง Fastback 4 ประตู จากนั้นถึงจะมีรถยนต์ SUV ตามมาอีกสองรุ่น สำหรับสมรรถนะของ EV เวอร์ชั่นผลิตจริงจะขับขี่ได้ไกลสุดราว 700 กิโลเมตร ซึ่ง Glover กล่าวว่านี่ไม่ใช่เป็นเพียงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ แต่เป็นการพลิกแบรนด์ใหม่หมด โดยทุกสิ่งที่บริษัทเลือกจะต้องทำให้คนมอง Jaguar ในแง่ที่บริษัทอยากให้เป็น รวมทั้งทำให้คนรู้สึกอยากควักเงิน 120,000 ปอนด์ (ราว 5.2 ล้านบาท) เพื่อซื้อ Jaguar

ผู้บริหารรายเดิมรับว่า มันไม่มีสูตรสำเร็จในการดำเนินงานลักษณะนี้หรอก แถมไม่เคยมีแบรนด์ไหนหยุดขายรถยนต์รุ่นใหม่เป็นปี ก่อนกลับมาทำตลาดด้วย ซึ่งจะส่งผลไปถึงผู้แทนจำหน่ายจน Glover กล่าวว่านี่คือสิ่งที่เจ็บปวด แต่ต้องทำเพื่อระยะยาว และเป็นที่มาของประโยคที่ว่า ‘เป็นสิ่งที่น่าท้อแท้ใจ’ ตามที่กล่าวไปข้างต้น และเป้าหมายอีกประการของ Jaguar คือการสร้างความอยากได้อย่างไม่มีเหตุผล แบบที่แบรนด์หรูอื่นทำได้

 

Glover ยกตัวอย่างว่าไม่มีใครอยากได้กระเป๋าทำงาน Hermes หรอก พร้อมยกตัวอย่างความสำเร็จของวงการรถกับ Range Rover รุ่นย่อยท็อปสุดของ Land Rover ที่ทำผลกำไรได้สูงมากให้กับบริษัท นอกจากนั้น MD ของ Jaguar ยังอธิบายเสริมว่าการก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ EV ต้องครอบคลุมถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับ EV ครบวงจรด้วย ซึ่งจะไม่เหมือนกับการขายรถยนต์สันดาป Jaguar จึงมองไปถึงบริการชาร์จและการรับมือลูกค้า

Jaguar ได้บทเรียนมาจากลูกค้า I-Pace ว่าพวกเขาไม่พึงพอใจในบริการที่ชาร์จ home charger จากบริษัทอื่น จึงตีความได้ว่า Jaguar อาจพัฒนาแท่นชาร์จที่บ้านใหม่เอง และยังมีการบอกใบ้ว่าจะมีการสร้างอภิสิทธิ์ให้กับลูกค้า สามารถเข้าใช้บริการแท่นชาร์จที่ไหนก็ได้ เรียกได้ว่า Jaguar ยังใจสู้กับแผนการนี้อยู่ ทำให้คิดมาอย่างรอบด้าน เหลือเพียงติดตามว่าในวันที่กลับมานั้น จะมีพื้นที่ในตลาดเหลือให้แบรนด์นี้มากน้อยขนาดไหน

 

ที่มา: topgearinsideevs

Credit: www.HeadLightMag.com