และแล้วก็ถึงเวลาของการเปิดตัวรถสำหรับพ่อบ้านเท้าหนักถึงหนักมากอย่าง M5 Touring ที่งานวิศวกรรมร่วมกันกับรุ่นซีดานที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา จุดเด่นของรุ่นแวกอนที่เหนือกว่ารุ่นซีดานอย่างไม่น่าเชื่อ ได้แก่การรกะจายน้ำหนักหน้า-หลัง ที่อัตราส่วนใกล้เคียง 50:50 ถึงแม้ว่าจะมีน้ำหนักตัวถังรวมมากกว่าอยู่ 63 กิโลกรัม รวมเป็น 2,508 กิโลกรัม ก็ตาม
งานออกแบบภายนอกเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก 5-series เจเนอเรชั่นปัจจุบันตัวถังแวกอนรหัสตัวถัง G61 ด้วยการเสริมความดุดันที่บริเวณกันชนหน้า อุดมไปด้วยช่องดักลมที่มีเส้นสายโฉบเฉี่ยว พร้อมด้วยสเกิร์ตหน้าขนาดพอเหมาะ ขณะที่ด้านท้ายมาพร้อมปลายท่อไอเสียขนาดใหญ่แบบ 4 ช่อง เข้าชุดกันกับกันชนท้ายออกแบบให้ติดตั้งแผ่นดิฟฟิวเซอร์ทรงอลังการงานสร้าง ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมโป่งซุ้มล้อที่ช่วยขยายขนาดความกว้างตัวถังจากรุ่นปกติอีก 3 นิ้วที่ด้านหน้า และ 1.9 นิ้วที่ด้านหลัง มาพร้อมทางเลือกสีตัวถัง 9 สี พร้อมสีเฉดพิเศษจากแผนก BMW Individual ให้เสียเงินเพิ่มเพื่อสร้างความแตกต่าง พร้อมกระจังหน้าแบบเรืองแสงได้
มิติตัวถังรถ
ภายในมาพร้อมพวงมาลัยทรงสปอร์ตออกแบบใหม่และหน้าจอกลางขนาด 14.9 นิ้ว ทำงานร่วมกับจอมาตรวัดผู้ขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว ติดตั้งระบบการจัดการข้อมูลจาก BMW OS 8.5 ที่ออกแบบโดย MPower เพื่อแสดงผลและมอบการปรับแต่งค่าที่จำเป็นต่างๆ ให้ผู้ขับขี่ได้เลือกใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งพละกำลังที่เรียกใช้งานได้ ระบบช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive พร้อมด้วยหน้าจอ heads-up display เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อีกทั้งยังมาพร้อมความบันเทิงครบครันแม้กระทั่งการติดตั้งเกมส์สำหรับเล่นขณะจอดรถได้ผ่านฟังก์ชั่น AirConsole
ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้ร่วมกับตัวถังซีดาน ด้วยเครื่องยนต์ M TwinPower Turb แบบ V8 DOHC 32 วาล์ว 4.4 ลิตร 4,395 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศ M TwinScroll Turbochargers พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VALVETRONIC 585 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,500 รอบ/นาที 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 5,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive Technology 197 แรงม้า 280 นิวตันเมตร พละกำลังรวมสูงสุด 727 แรงม้า (PS) 1,000 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 speed M Steptronic Transmission พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive
ใช้แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion ความจุ 18.6 kW รองรับการอัดประจุด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ภายในเวลา 2 ชั่วโมง 15 นาทีสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 61-67 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)
โหมดการขับขี่มาตรฐาน 3 รูปแบบ ได้แก่ Comfort ที่การทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะสร้างความสุนทรีย์ให้กับการเดินทางขั้นสูงสุด โดยเน้นการใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่โหมด Sport และ Sport Plus จะเน้นให้เครื่องยนต์ทำงานพร้อมให้เรียกใช้งานได้ตลอดเวลา
และยังมีโหมดการขับขี่พิเศษอีก 2 รูปแบบ ได้แก่ Dynamic และ Dynamic Plus ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปลดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ให้กลายเป็นรถขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง รวมไปถึงการปิดระบบช่วยเหลือการทรงตัว เพื่อให้สามารถสัมผัสสมรรถนะที่แท้จริงที่สามารถปลดปล่อยตามความต้องการและทักษะของผู้ขับขี่
ระบบช่วงล่างแบบพิเศษ Adaptive M suspension ที่ติดตั้งระบบช่วยควบคุมอาการตัวรถสารพัด พร้อมติดตั้ง differential lock แบบไฟฟ้า เพื่อกระจายแรงบิดไปยังล้อหลังได้อย่างสมดุล มาพร้อมจุดยึดช่วงล่างต่างๆ ที่มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยแขนปรับมุมแคมเบอร์ และจุดยึดต่างๆ ที่ถูกปรับปรุงเพื่อรองรับแรงเหวี่ยงมหาศาลจากขุมพลังใหม่นี้ ยังไม่นับรวมระบบบังคับเลี้ยวล้อคู่หลังแบบ active rear steering ที่สามารถทำมุมล้อบิดได้สูงสุดที่ 1.5 องศา
ระบบเบรกจาก MPower ที่ให้คาลิปเปอร์แบบ 6 ลูกสูบทำงานคู่กับจานเบรกเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 16.1 นิ้ว ที่คู่หน้า และคาลิปเปอร์แบบเดี่ยวลอยตัวทำงานคู่กับจานเบรกเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 15.7 นิ้ว ที่คู่หลัง พร้อมด้วยแพ็คเกจ M Carbon ceramic ที่จะเปลี่ยนจานเบรกคู่หน้าให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 16.5 นิ้ว พร้อมลดน้ำหนักลดลงไปอีก 25 กิโลกรัม ทั้งหมดนี้จะติดตั้งอยู่ในล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วที่คู่หน้า และ 21 นิ้วที่คู่หลังจากโรงงาน
BMW เปิดราคาจำหน่าย M5 Touring เริ่มต้นที่ 121,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,265,865 บาท
ที่มา: Carscoops
Credit: www.HeadLightMag.com