ท่ามกลางกระแสความนิยมรถ EV และการเตรียมยกเลิกใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในนับตั้งแต่ปี 2030-2035 เป็นต้นไป แต่เชื่อหรือไม่ว่า ทางค่ายญี่ปุ่น 3 ทหารเสืออย่าง Toyota Mazda และ Subaru ที่เคยมีความร่วมมือกันก่อนหน้านี้ ได้ร่วมผนึกกำลังในการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในเจเนอเรชั่นใหม่ เพื่อลดต้นทุนในการผลิตเครื่องยนต์ รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพให้สูงยิ่งขึ้น

  

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่การที่ทั้ง 3 ยี่ห้อร่วมกันสร้างเครื่องยนต์เพื่อใช้ร่วมกันเพียง 1 บล็อกแต่อย่างใด แต่จะเป็นการทำในสิ่งที่ตนเองถนัดอยู่แล้ว Toyota กำลังพัฒนาเครื่องยนต์ 4 สูบ เรียง ขณะที่ Mazda เดินหน้าปรับปรุงเครื่องยนต์สูบหมุนหรือ rotary และแน่นอนว่า Subaru กำลังปรับปรุงเครื่องยนต์สูบนอนยัน หรือ boxer โดยเครื่องยนต์ทั้ง 3 บล๊อคจะสามารถใช้เชื้อเพลิงสะอาดที่ปลอดการปล่อยมลภาวะคาร์บอนได้ทั้งสิ้น อันได้แก่ ไฮโดรเจนเหลว เชื้อเพลิงชีวภาพ และเชื้อเพลิงสังเคราะห์

  

 

เครื่องยนต์ rotary แบบ 1 และ 2 ลูกสูบ ที่ Mazda นำกลับมาคืนชีพอีกครั้งได้ถูกติดตั้งเพื่อทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อน โดยไม่ได้มีส่วนที่เชื่อมต่อกับเพลาล้อแต่อย่างใด ในรูปแบบที่ MX-30 ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยในอนาคตจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ Toyota ได้จัดแสดงเครื่องยนต์ 4 สูบ เรียงความจุ 1.5 และ 2.0 ลิตร ที่คาดว่าจะมาพร้อมประสิทธิภาพเชิงความร้อนที่สูงขึ้น พร้อมด้วยพละกำลังที่เกินตัวกว่าความจุกระบอกสูบ ที่มาพร้อมขนาดเล็กลงสำหรับการพัฒนาเส้นสายตัวรถได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น

 

 

ในส่วนของ Subaru ที่นำรถต้นแบบ XV หรือ Crosstrek พรางตัว ซึ่งได้ติดตั้งเครื่องยนต์สูบนอนมาพร้อมระบบขับเคลื่อนพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 12.3 kW หรือ 16.7 แรงม้า (PS) พร้อมด้วยแบตเตอรี่แบบ lithium-ion ขนาดพอเหมาะ และยังสามารถใช้เชื้อเพลิงสังเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

Toyota Mazda และ Subaru ยังคงเดินหน้าพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายใน ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ และมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นต่อการพัฒนารถในอนาคต ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบส่งกำลังด้วยพลังงานไฟฟ้า

ที่มา: Motor1