Volkswagen เปิดตัวแบรนด์ R นับตั้งแต่ปี 2002 เริ่มต้นด้วยรถยนต์รุ่น Golf R32 ก่อนจะตามมาด้วย Passat R ทั้งตัวถังซีดานและสเตชั่นแวกอนในปี 2008 ต่อเนื่องด้วยรถ Hatchback 3 ประตู Scirocco R ในปี 2009 และยังรวมถึงรถรุ่น B-Segment ตัวถัง Hatchback อย่าง Polo R WRC ในปี 2013 จนกระทั่งทาง Volkswagen ได้ทยอยติดตั้งแบรนด์ R ให้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆ อย่าง Arteon T-Roc Tiguan และ Touareg
หลังจากมีกระแสข่าวการปั้นแบรนด์รถสมรรถนะสูงแยกออกมาจากรถ EV ในสายพานการผลิตหลักในช่วงก่อนหน้านี้ ทางค่ายก็ออกมายืนยันถึงอนาคตของรถตระกูล R ว่าจะผันตัวไปเป็นรถ EV สมรรถนะสูงแทน โดยล่าสุดได้เริ่มต้นกับยุคเปลี่ยนผ่าน ด้วยขุมพลัง plug-in hybrid อย่างรุ่น Touareg R eHybrid ที่เลือกใช้ขุมพลังเบนซิน 3.0 ลิตร V6 เชื่อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมกว่า 462 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุดมหาศาล 700 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.1 วินาที
อย่างไรก็ตามสำหรับรุ่นที่ยังใช้ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่าง Golf R ที่จะเปิดตัวรุ่นปรับโฉม Mark 8.5 ในเร็วๆ นี้ จะยังวางจำหน่ายไปจนกว่า Golf รุ่นที่ 9 จะผันตัวไปเป็นรถ EV อย่างเต็มรูปแบบ ในทำนองเดียวกับที่ Seat แยกแบรนด์ Cupra ให้กลายเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง ที่กำลังจะเข้าสู่ยุคของรถ EV ล้วนเท่านั้นในเร็วๆ นี้
ด้วยความนิยมของรถสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ R ที่สร้างยอดขายสะสมทั่วโลกตั้งแต่ปี 2002 เป็นจำนวน 300,000 คัน รวมไปถึงยอดขายตลอดปี 2023 จำนวน 35,000 คัน ทำให้ Volkswagen ตัดสินใจดันแบรนด์ย่อยนี้ต่อไป หลังจากหันมาสนใจรถสมรรถนะสูงขุมพลังไฟฟ้าล้วนอย่างตระกูล GTX ที่ดูเหมือนจะมีสมรรถนะไม่ได้ร้อนแรงจนสามารถต่อกรกับคู่แข่งในตลาดได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นยังเตรียมเปิดตัวรถ EV ที่สานต่อชื่อเสียงของ GTI ควบคู่ไปกับการแยกแบรนด์ R ออกมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Volkswagen ยังไม่ได้เผยกำหนดการเปิดตัวรถรุ่นแรกที่มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ R แต่อย่างใด แต่คาดว่าจะหนีไม่พ้น Golf รุ่นที่ 9 เป็นแน่
ที่มา: Motor1
Credit: www.HeadLightMag.com