Mercedes-Benz เปิดตัวเวอร์ชั่นแรงของรถ Premium class ยอดนิยมอย่าง E-Class รหัสตัวถัง W214 ที่เปิดตัวเวอร์ชั่นปกติไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2023 ในตัวถังซีดาน ก่อนที่จะตามมาด้วยเวอร์ชั่น Estate ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ปิดท้ายด้วยเวอร์ชั่น All Terrain หรือแวกอนยกสูงในเดือนกันยายน หลังจากข้ามศักราชในปี 2024 จนเกือบจะครบรอบ 1 ปี ในการเปิดตัวของ W214 ตัวถังซีดาน Mercedes-AMG จึงได้เปิดตัวรหัสร้อนแรง ที่ครั้งนี้มาในรูปแบบขุมพลัง Plug-in hybrid สร้างพละกำลังมหาศาลมากกว่าที่เคย
งานออกแบบภายนอกมีการปรับเปลี่ยนจากรุ่นปกติโดยเฉพาะกระจังหน้าสไตล์ AMG แบบเรืองแสงลายหมากรุก พร้อมด้วยชุดแต่งรอบคันทั้งกันชนหน้า สเกิร์ตข้าง รวมไปถึงกันชนหลัง ยังไม่นับรวมล้ออัลลอยขนาดใหญ่พิเศษ แผ่นดิฟฟิวเซอร์รีดอากาศใต้ท้อง และปลายท่อไอเสียคู่ออกแยก 2 ฝั่ง ซ้ายและขวา
ตัวถังที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้มีความแข็งแรงกว่าเวอร์ชั่นปกติ พร้อมพัฒนาให้มีสมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวของล้อคู่หลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มประสิทธิภาพการหยุดรถด้วยการติดตั้งชุดเบรกใหม่ที่ประกอบไปด้วยคาลิปเปอร์ขนาดใหญ่และจานเส้นผ่านศูนย์กลางพิเศษ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแปรผันที่ทำงานร่วมกันกับชุดช่วงล่างพร้อมช็อคอัพปรับระดับความหนืดได้ด้วยไฟฟ้า ที่มีเซนเซอร์ตรวจจับสภาพพื้นผิวและส่งไปประมวลผลทั้งระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับแรงกระแทก สร้างสมดุลในการทรงตัวสูงสุด
ขุมพลังที่ทาง AMG เลือกใช้ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ความจุ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-Turbo พละกำลังสูงสุด 449 แรงม้า (PS) ที่ 5,800-6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร ที่ 2,200-5,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 163 แรงม้า (PS) 480 นิวตันเมตร รวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบ 585 แรงม้า (PS) 750 นิวตันเมตร และเมื่อเปิดใช้งานโหมด RACE Start จะทำให้พละกำลังรวมเพิ่มขึ้นชั่วขณะเป็น 612 แรงม้า (PS)
ระบบ Plug-in Hybrid ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 21.22 kWh ที่สามารถวิ่งได้ด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนเป็นระยะทางสูงสุด 97 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และสารถวิ่งได้ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. ในโหมด EV
หลังจากนี้จะเป็นคิวของพี่ใหญ่อนุกรม E-Class ด้วยรหัสสุดร้อนแรงอย่าง E63 ที่คาดว่าจะมาพร้อมขุมพลัง plug-in hybrid เช่นเดียวกับ E53 รวมไปถึงขุมพลังที่ถูกเปลี่ยนไปใช้แบบ 6 สูบ เรียงแทนเช่นเดียวกัน ขณะที่ Mercedes พร้อมวางจำหน่าย E53 ในตลาดสำคัญอย่างยุโรปและอเมริกาเหนือนับตั้งแต่ปลายปีนี้
ที่มา: Motor1
Credit: www.HeadLightMag.com