นโยบายการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาให้เว็บไซต์รองรับการใช้งานของท่านได้ดียิ่งขึ้น ทางเราจะมีการเก็บข้อมูลการใช้งานบนเว็บไซต์ โดยการเข้าชมเว็บไซต์นี้ ถือว่าท่านตกลงยอมรับในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ อ่านรายละเอียด

Rolls-Royce Droptail Arcadia รุ่นเปิดหลังคาสุดประณีตด้วยงานฝีมือวัสดุไม้ เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ

Rolls-Royce เปิดตัวรุ่นพิเศษของ Droptail รถเปิดประทุนสุดหรูในนาม Arcadia ซึ่งเป็นภาษากรีกที่แปลว่า “สวรรค์บนดิน” เพื่อเป็นการตอกย้ำว่ารถรุ่นพิเศษนี้สามารถรองรับการเดินทางที่สะดวกสบายสุดสัปดาห์ โดยมาพร้อมสีตัวถังสีขาวพิเศษ ที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนของอะลูมิเนียมและกระจก เพื่อสร้างความระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงธรรมชาติ

    

 

นอกจากนี้ยังได้ทำการเปลี่ยนวัสดุการตกแต่งจากคาร์บอนไฟเบอร์ กลายเป็นชิ้นส่วนที่ชุบด้วยสีเงินใหม่ ขณะที่บริเวณด้านท้ายรถยังคงติดตั้งชิ้นส่วนที่ผลิตจากไม้ที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่างประณีตเช่นเดียวกับ Droptail คันอื่นๆ ซึ่งรถรุ่นพิเศษที่นับว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ 3 จากทั้งหมด 4 เวอร์ชั่นของ Droptail ที่ Rolls-Royce วางแผนจะเปิดตัวทั้งหมด (Amethyst Droptail และ La Rose Noire Droptail)

    

 

ภายในห้องโดยสารประกอบไปด้วยชิ้นงานสีขาวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีตัวถังภายนอก พร้อมด้วยการตัดโทนสีเบจที่ตัวเบาะนั่งสีขาว ยังไม่นับรวมงานศิลปะเนื้อไม้รอบคันทั้งหมด ซึ่งประกอบไปด้วยแผงประตู และแผงคอนโซลหน้า ที่ทาง Rolls-Royce ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 8,000 ชั่วโมงในการรังสรรค์งานทั้งหมด

   

 

ทีมงานของ Rolls-Royce ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 2 ปี ในการพัฒนารถรุ่นพิเศษนี้ รวมไปถึงระยะเวลากว่า 5 เดือนในการประกอบชิ้นงานคอนโซลหน้าที่ต้องอาศัยความประณีตในการติดตั้งนาฬิกา ยังไม่นับรวมโลโก้ RR ที่ถูกกลึงมาจากสเตนเลสสตีลเกรดพรีเมี่ยม และยังใช้ความพิถีพิถันในการลงรายละเอียดหน้าปัดนาฬิกาที่ต้องใช้แว่นขยายในทุกอณู เพื่อสร้างความละเอียดของชิ้นงานขั้นสูงสุด

  

 

ขุมพลังยังคงใช้ร่วมกันกับ Droptail รุ่นอื่นๆ ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน V12 พ่วงระบบอัดอากาศแบบทวินเทอร์โบ ความจุ 6.75 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 600 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านล้อทั้ง 4 ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

Rolls-Royce ได้ทำการส่งมอบให้กับเจ้าของ Droptail Arcadia ที่สิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อย โดยเลือกใช้เป็นเวอร์ชั่นพวงมาลัยซ้าย ถึงแม้ว่าโดยปกติรถในสิงคโปร์จะใช้พวงมาลัยขวาก็ตาม

ที่มา: Motor1

Credit: www.HeadLightMag.com