หลังจากที่ทาง Stellantis เปิดตัวรถต้นแบบภายใต้แบรนด์ Jeep รุ่น Wagoneer S รวมไปถึงรถสปอร์ตขุมพลังไฟฟ้าอย่าง Dodge Charger ที่เพิ่งจะเผยรูปทีเซอร์ภายนอกไปหมาดๆ ยังคงมีรายละเอียดทางเทคนิคอีกหลายประการที่ทาง Stellantis ไม่ได้เปิดเผยเอาไว้ในขณะนี้ จนกระทั่งมีข้อมูลล่าสุดของ STLA Large platform ซึ่งเกิดจากการยุบรวมงานวิศวกรรมพื้นฐานที่สั่งสมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ถูกเปิดเผยในที่สุดว่า สามารถรองรับได้ทั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนและเครื่องยนต์สันดาปภายใน
Stellantis เตรียมนำ STLA Large platform ใช้กับรถกลุ่ม D- segment และ E-segment ที่ประกอบไปด้วยรถตัวถังหลากรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รถซีดาน รถ Crossover และ รถ SUV ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นสูงกว่างานวิศวกรรมพื้นฐานเจเนอเรชั่นก่อนหน้า โดยสามารถปรับเพิ่ม-ลด ระยะ overhang ระยะฐานล้อ ตำแหน่งและจุดยึดของช่วงล่าง พร้อมกับการติดตั้งขุมพลังหลักของรถ
แน่นอนว่าระบบขับเคลื่อนทุกรูปแบบสามารถติดตั้งลงบน STLA Large platform ได้อย่างไม่มีข้อจำกัดใดๆ ตั้งแต่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และแน่นอนว่ามอเตอร์ที่ทำการติดตั้งก็มีทั้งแบบมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ตามรูปแบบดังกล่าว ขณะที่ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน ก็ยังสามารถเลือกได้ทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาปล้วนและแบบ Hybrid และยังสามารถเลือกติดตั้งทั้งในรูปแบบตามแนวยาวและตามแนวขวาง
ในส่วนของแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงกว่ารถ EV ทั่วไป ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตั้งแต่ 85 ถึง 118 kWh ซึ่งสามารถรองรับได้ทั้งแรงดันไฟฟ้า 400V และ 800V ซึ่งรองรับการติดตั้งแบตเตอรี่เทคโนโลยีแห่งอนาคตได้อย่างง่ายดาย นั่นหมายถึงการที่ไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนโครงสร้างพื้นตัวรถใหม่ แต่ยังสามารถเปลี่ยนไปใช้เซลล์แบตเตอรี่ที่มีแร่ธาตุและรูปทรงแตกต่างออกไปได้
นอกจากนี้ยังทำให้รองรับน้ำหนักตัวถังที่หลากหลาย รวมไปถึงสมรรถนะรถที่ทรงพลังมากระดับ Supercar ไปจนกระทั่งรถบ้านระดับพรีเมียมทั่วไป โดย Stellantis เคลมว่า STLA Large platform สามารถรองรับรถรุ่นที่มีอัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 2 วินาที ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมด้วยตำแหน่งสำหรับการติดตั้ง Limited-slip สำหรับรถรุ่นที่มีความจำเป็น รวมไปถึงความสามารถในการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ต้องลุยฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้ เฉกเช่นตัวลุยในตำนานของค่ายอย่าง JEEP
กำหนดการใช้งาน STLA Large platform จะเกิดขึ้นภายในปี 2024 นี้ ประเดิมด้วยแบรนด์ Dodge และ JEEP ก่อนที่จะตามมาด้วยแบรนด์อื่นๆ ในเครืออย่าง Alfa Romeo Chrysler และ Maserati ที่ทยอยเปิดตัวตลอดไปจนถึงปี 2026 รวมสุทธิกว่า 8 รุ่น
ที่มา: Autoblog
Credit: www.HeadLightMag.com