Neta เปิดโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนในประเทศไทยหลังจากเข้าร่วมตามนโยบายการลงทุนเพื่อรับสิทธิพิเศษทางภาษีกับ BOI หรือนโยบาย MOU EV 3.0 ซึ่งได้ฤกษ์เปิดสายพานการผลิตอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร โดยร่วมมือกับพันธมิตรคือ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด ภายใต้เป้าหมายการผลิตจำนวนกว่า 20,000 คันต่อปี โดยจะผลิตแต่รถ EV พวงมาลัยขวาเท่านั้น
แต่เดิมทาง Neta วางแผนที่จะไฟเขียวสายพานการผลิตในช่วงเดือนมกราคม 2024 อย่างไรก็ตามกลับเลื่อนแผนการผลิตเร็วเข้ามาอีกเล็กน้อย เพื่อให้ทันสิ้นปี 2023 นี้ โดยจะมุ่งเน้นประกอบ Neta AYA หรือ Neta V-II รถ EV ยอดนิยมที่มีราคาจำหน่ายเร้าใจในตลาดรถประเทศไทย
สำหรับยอดขายรวมของ Neta นับตั้งแต่เปิดศักราชปี 2023 นี้ ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา สามารถส่งมอบรถ Neta V ไปได้เป็นจำนวน 10,565 คัน โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2023 นี้ จะสามารถพิชิตเป้าหมายยอดขาย 13,000 คัน ได้อย่างไม่เกินเอื้อม โดยฐานการผลิตรถที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย จะเป็นฐานทัพสำคัญที่จะส่งออกรถไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว รวมไปถึงประเทศไทย
หลังจากที่ Neta ประเทศจีนเปิดตัว AYA หรือรุ่นปรับโฉมของ V ในตลาดบ้านเกิดและพร้อมส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา ทางประเทศไทยก็ไม่รอช้าที่จะนำรถรุ่นปรับโฉมนี้มาขึ้นสายพานการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ โดยจะจำหน่ายภายใต้ชื่อ Neta V-II
โดยการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดต่างๆ ที่ทำให้ตัวรถมีความทันสมัยและลงตัวมากยิ่งขึ้น จะเริ่มต้นที่กันชนหน้าและไฟหน้าแบบ LED พร้อมกับช่องดักลมออกแบบใหม่ลวดลายคล้ายรถยุโรปบางค่าย พร้อมด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว ขณะที่ด้านท้ายเปลี่ยนให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายแบบ LED ตามแนวความกว้างของตัวรถ พร้อมทางเลือกสีตัวถังใหม่ สีชานม Milk Tea และสีหลังคาสีดำเงาตามสมัยนิยม
มิติตัวถังรถ
รายละเอียดด้านขุมพลังยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้านอกจากนี้ พละกำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion แบบ LFP ความจุ 40.7 kWh ซึ่งให้ระยะทางวิ่ง 384 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC
นอกจากนี้ Neta ยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ รวมแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ภายในปี 2024 นี้ โดยตั้งเป้ายอดขายรวมกว่า 100,000 คัน ตลอดปี 2024 ซึ่งล่าสุดตลาดน้องใหม่อย่างอเมริกาใต้และตะวันออกกลาง ก็ได้เตรียมสัมผัสรถ EV ราคามิตรภาพกันโดยถ้วนหน้า และสถานีต่อไปกับภูมิภาคยุโรปที่เตรียมรุกตลาดอย่างเต็มตัวเช่นเดียวกัน
ที่มา: Carnewschina
Credit: www.HeadLightMag.com